วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการใช้สมุนไพร

      โดย  ปพิชญา  ไชยเหี้ยม

บทคัดย่อ
                บทความนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะเสนอถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของการใช้สมุนไพรในวิถีชีวิตของคนในชุมชน  เนื่องจากปัจจุบันโลกประสบปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร  เนื่องจากการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมามักถูกกำหนดด้วยวิธีการเหมือน ๆ กัน  โดยละเลยความสำคัญของความหลากหลายทางภูมิปัญญา  รวมไปถึงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นด้วย ทำให้การพัฒนาดังกล่าวไม่ยั่งยืน  สาเหตุของปัญหาดังกล่าวมาจากแนวความคิด  ความรู้  ที่เรียกรวมขั้นต้นว่า ภูมิปัญญาสมัยใหม่  การพัฒนาประเทศด้านภูมิปัญญาสมัยใหม่นี้ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมด้านสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล  กล่าวคือ  มนุษย์ทุกกลุ่มทุกสังคมมีการพัฒนาและสั่งสมความรู้ด้านการรักษาพยาบาลมานานก่อนที่จะเกิดการพัฒนาการแพทย์ตะวันตกแผนใหม่  แต่เนื่องจากระบบการรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิมของมนุษย์ไม่แยกกันเด็ดขาดระหว่างกายกับใจ  การรักษาพยาบาลโดยใช้สมุนไพรแบบดั้งเดิมนั้นจึงมักจะใช้ควบคู่ไปกับพิธีกรรมและเวทย์มนต์คาถา  จึงทำให้แพทย์แผนใหม่มองว่าการแพทย์พื้นบ้านเป็นเรื่องงมงาย มนุษย์จึงละเลยความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นไป
  
บทนำ
โลกกำลังประสบกับปัญหาในการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันก่อให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์   ประเทศไทยก็มีปรากฏการณ์ดังกล่าวให้เห็นอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากว่ารูปแบบการพัฒนาที่ผ่านมามักถูกกำหนดด้วยวิธีการเหมือน ๆ กัน  โดยละเลยความสำคัญของความหลากหลายทางภูมิปัญญา  รวมไปถึงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นด้วย  นอกจากนั้นยังต้องมีการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ  ทำให้การพัฒนาดังกล่าวไม่ยั่งยืน  สาเหตุของปัญหาดังกล่าวมาจากแนวความคิด  ความรู้ที่เรียกรวมขั้นต้นว่า ภูมิปัญญาสมัยใหม่  การพัฒนาประเทศด้านภูมิปัญญาสมัยใหม่นี้ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมด้านสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล  กล่าวคือ  มนุษย์ทุกกลุ่มทุกสังคมมีการพัฒนาและสั่งสมความรู้ด้านการรักษาพยาบาลมานานก่อนที่จะเกิดการพัฒนาการแพทย์ตะวันตกแผนใหม่  แต่เนื่องจากระบบการรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิมของมนุษย์ไม่แยกกันเด็ดขาดระหว่างกายกับใจ  การรักษาพยาบาลโดยใช้สมุนไพรแบบดั้งเดิมนั้นจึงมักจะใช้ควบคู่ไปกับพิธีกรรมและเวทย์มนต์คาถา  จึงทำให้แพทย์แผนใหม่มองว่าการแพทย์พื้นบ้านเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ   ความรู้ด้านสมุนไพรจึงพลอยถูกกล่าวหาว่าไม่น่าเชื่อถือภูมิปัญญาในด้านนี้  จนกระทั่งอุตสาหกรรมยาในประเทศตะวันตกเริ่มให้ความสนใจสนับสนุนให้ทุนวิจัยค้นคว้าตัวยาจากสมุนไพรเพื่อผลิตเป็นยา และเคมีภัณฑ์ใหม่ ๆ   ออกมาขาย  จึงทำให้ผู้คนสนใจในเรื่องการศึกษาวิจัยสมุนไพรอย่างแพร่หลาย
บทบาทของสมุนไพรในปัจจุบัน
                จากการที่สมุนไพรได้รับความนิยมและสนใจมากขึ้นจึงส่งผลให้การแพทย์แผนไทยมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นด้วยเช่นกัน  โดยที่การบริการทางสุขภาพแผนไทยนั้นเป็นระบบการดูแลสุขภาพของท้องถิ่นที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวบ้านสอดคล้องกับความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาตั้งแต่โบราณ  ดังนั้นในการรักษาในระบบแพทย์แผนไทยนี้จึงมีการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษในเรื่องการใช้สมุนไพรต่าง ๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้รักษาโรคที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชนมากขึ้นด้วยเช่นกัน  ทำให้สมุนไพรมีบทบาทที่สำคัญในการรักษาอาการป่วยต่าง ๆ ในเบื้องต้น  เป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนาได้อาศัยสมุนไพรและยาแผนโบราณจากสมุนไพร สำหรับการรักษาในเบื้องต้นด้วยเช่นกัน  ประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นนั้นจะมีความหลากหลายทางชีวภาพ และมีความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคโดยใช้สมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องนานนับพันปี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดียมีการผลิตยาจากสมุนไพรเป็นจำนวนมาก  ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท  เนื่องจากประเทศอินเดียอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีสภาวะสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายและมีการใช้สมุนไพรมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนั้นได้มีการส่งออกวัตถุดิบพืชสมุนไพรไปยังประเทศอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อใช้ในการผลิตยา อุตสาหกรรมเครื่องหอม เครื่องสำอาง และน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น  สำหรับประเทศไทยนั้น        มีภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญงอกงามของพืชนานาชนิด เช่นกัน  โดยเฉพาะพืชสมุนไพรมีอยู่มากมายเป็นแสน ๆ ชนิด ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและจากการเพาะปลูก บางชนิดก็ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาแผนปัจจุบัน สมุนไพรหลายชนิดถูกนำมาใช้ในรูปของยากลางบ้าน ยาแผนโบราณ รากฐานของวิชาสมุนไพรไทยได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่ เพราะตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชาติไทยได้อพยพถิ่นฐานมาจากบริเวณเทือกเขาอัลไตน์ ประเทศจีน      มาจนถึงประเทศไทยในปัจจุบัน จึงมีส่วนได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา ตลอดจนการบำบัดรักษาโรคจากประเทศอินเดียเป็นจำนวนมาก  ซึ่งมีผู้ประมาณว่าในแต่ละปีมีผู้ใช้สมุนไพรในประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากป่าไม้ถูกทำลาย ทำให้ต้องมีการรณรงค์ให้มีการปลูกเป็นสวนสมุนไพรขึ้น (กฤษณา ไกรสินธุ์. 2550 : 10)

                ภูมิปัญญาท้องถิ่นการใช้สมุนไพร
การใช้สมุนไพรของหมอพื้นบ้านถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ล้ำค่าของสังคมไทยที่เกิดจากปรัชญาของหมอพื้นบ้านที่สามารถจำแนกแยกแยะฤทธิ์และสรรพคุณของสมุนไพรจากธรรมชาติเพื่อใช้ในการเยียวยารักษาความเจ็บป่วย  การรักษาโดยระบบการแพทย์พื้นบ้านจึงเป็นระบบการรักษาโรคแบบประสบการณ์ของชุมชน      ที่ได้รับการสั่งสมถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ  มีความหลากหลายแตกต่างกันไปแต่ละสังคมวัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์  ได้มีการพัฒนาการใช้สมุนไพรในระบบการแพทย์พื้นบ้านมาอย่างต่อเนื่อง  โดยถือว่าสมุนไพรเป็นรูปแบบการรักษาหลักของระบบการแพทย์พื้นบ้าน  และสมุนไพรยังคงมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของประชาชนมาโดยตลอด  คนไทยโบราณจึงผูกพันกับหมอพื้นบ้านและยาสมุนไพรในการดูแลรักษาสุขภาพของชุมชน (ยุคล     ละม้ายจีน. 2550 : บทคัดย่อ) 
สมุนไพรนอกจากใช้เป็นยารักษา  บรรเทาอาการของผู้ป่วย  แล้วยังเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ยังไม่ป่วย  ทำให้เกิดสมดุลของการทำงานของร่างกาย  เสริมภูมิต้านทานและป้องกันโรค บางชนิดได้ด้วย  ในภาวะที่มีความต้องการการใช้สมุนไพรเพิ่มขึ้น  กลับพบว่าประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาการแพทย์พื้นบ้านและสมุนไพรอย่างเป็นระบบ  ข้อมูลของสมุนไพรจำนวนมากถูกปล่อยปละละเลย  ขาดการสืบทอด  และรวบรวม  ส่วนใหญ่ได้สูญหายไปตามอายุขัยของหมอพื้นบ้าน  การสูญเสียพื้นที่ป่าไม้  ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้  สมุนไพรมีจำนวนลดลง  ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการหาสมุนไพรมาใช้รักษาโรคของหมอพื้นบ้าน สมุนไพรจะมีความหลากหลายไปตามสภาพนิเวศวิทยาของแต่ละท้องถิ่น  การนำพืชสมุนไพรมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค  และการใช้ประโยชน์ด้านอื่น    จึงมีความหลากหลายแตกต่างกันไปด้วย  ความหลากหลายของพืชสมุนไพรและความหลากหลายของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรรักษาโรคต่าง    เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพืชกับมนุษย์ที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเป็นเวลายาวนาน  แสดงให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรอย่างยั่งยืน  แต่ในปัจจุบัน  ป่าซึ่งเป็นแหล่งของสมุนไพรตามธรรมชาติ  ได้ลดอย่างรวดเร็ว  ทำให้พืชสมุนไพรลดลง  และบางชนิดอาจสูญพันธุ์ไป  ขณะเดียวกันการจากไปของบรรพบุรุษพร้อมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น  ในการใช้สมุนไพรเนื่องมาจากถูกทอดทิ้ง  และไม่เห็นความสำคัญจากคนรุ่นหลัง  (คีรีบูน  จงวุฒิเวศย์และคณะ .2549 : บทคัดย่อ) 
                พืชสมุนไพร เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่โบราณกาลแล้ว เช่น ในเอเชียก็มีหลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แต่หลังจากที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีการสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปที่ใช้ประโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้มากกว่าสมุนไพร ทำให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมาเป็นอันมาก เป็นเหตุให้ความรู้วิทยาการด้านสมุนไพรขาดการพัฒนา ไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ในปัจจุบันทั่วโลกได้ยอมรับแล้วว่าผลที่ได้จากการสกัดสมุนไพร ให้คุณประโยชน์ดีกว่ายา ที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับในประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ มีพืชต่าง ๆ ที่ใช้เป็นสมุนไพรได้อย่างมากมายนับหมื่นชนิด ยังขาดก็แต่เพียงการค้นคว้าวิจัยในทางที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น     โดยในหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องสูญเสียงบประมาณด้านการสาธารณสุขในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียไปกับการรักษาโรคด้วยวิธีการทางการแพทย์สมัยใหม่  จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขในปีงบประมาณ 2551  ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุขมีมูลค่าถึง  142,192  ล้านบาท  เนื่องจากเป็นการรักษาแบบการแพทย์แผนตะวันตกและตะวันออกจึงต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นำเข้ามา  (จักรพงศ์  แท่งทอง. 2550 : บทคัดย่อ)
จากการสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากทำให้ประชาชนหันมาสนใจการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคอันเป็นภูมิปัญญาเก่าแก่เพิ่มมากขึ้นจึงส่งผลให้มีผู้สนใจในเรื่องของสมุนไพรเป็นจำนวนมาก  ดังจะเห็นได้จากการศึกษาวิจัยในหลาย ๆ เรื่อง  เช่น  งานวิจัยของ โอภาส  ชามะรัมย์ (2545) ศึกษาภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านกับการใช้สมุนไพรบำบัดรักษาความเจ็บป่วย  กรณีศึกษา นายแวว  วงศ์คำโสม  บ้านโคนผง  ตำบลสานตม  อำเภอภูเรือ  จังหวัดเลย  ผลการศึกษาพบว่าวิธีบำบัดรักษาความเจ็บป่วยของหมอพื้นบ้านจะใช้สมุนไพรและเวทย์มนตร์คาถา  ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มารับการรักษาส่วนมากเคยได้รับการรักษาจากหมอแผนปัจจุบันมาก่อน  เมื่อไม่หายจึงมารักษากับหมอพื้นบ้าน ในขั้นตอนการเตรียมการหมอพื้นบ้านจะเตรียมสมุนไพรและวัตถุสิ่งของบูชาด้วยตนเอง  มีการวินิจฉัยโรคโดยการคลำชีพจร  หลอดลม  นิ้วมือ  และมีการสอบถามอาการ  ขั้นตอนการบำบัดรักษาจะใช้สมุนไพรจากพืชโดยวิธีการต้ม  ฝน  ละลายน้ำเพื่อให้ดื่ม  และใช้ประคบบริเวณที่เจ็บปวด  และขั้นตอนการประเมินการรักษาจะพิจารณาจากอาการของผู้ป่วยที่มารับการบำบัดรักษา  และสอบถามจากผู้ป่วยโดยตรง  นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยของ ปัทมานันท์  หินวิเศษ  (2549)  ศึกษาหมอพื้นบ้านกับการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพร กรณีศึกษาตำบลขามป้อม  อำเภอพระยืน  จังหวัดขอนแก่น ผลการศึกษาพบว่า หมอพื้นบ้านมีการแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ หมอสมุนไพร  หมอเป่า  หมอกระดูก  และหมอจับเส้น  สำหรับกระบวนการรักษาผู้ป่วยเป็นไปในแนวเดียวกัน คือ  มีขั้นสอบประวัติ  ขั้นตรวจร่างกาย  ขั้นรักษา  หมอสมุนไพรจะจัดยาเป็นชุดให้ผู้ป่วยต้มดื่ม  หมอเป่าจะทำความสะอาดหัวฝี  ท่องคาถากำกับ ฝนเห็ดบนหินลับมีดนำไปพอกที่หัวฝี  หมอกระดูกต้องบูชาครูก่อนรักษาด้วยวิธีการทางไสยศาสตร์  เป็นต้น


                ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรของคนในสมัยก่อนนั้นจะมีการใช้สมุนไพรโดยกินเป็นอาหารก่อนเป็นลำดับแรก  ซึ่งมีคำพูดประโยคหนึ่งที่มักจะได้ยินคนในสมัยก่อนพูดเสมอว่า  กินปลาเป็นหลัก  กินผักเป็นยา  กินกล้วยน้ำหว้า  บำรุงร่างกาย  ซึ่งจากประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินที่บ่งบอกว่ากินเพื่อให้เป็นสมุนไพรช่วยในการรักษาโรคมนร่างกาย  ซึ่งอาหารหลายอย่างในชุมชนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจำพวกน้ำพริก  และก็มีผักเป็นองค์ประกอบหลักของอาหารด้วย  นอกจากนี้การใช้สมุนไพรมาอบผ้าให้มีกลิ่นหอมก็เป็นการใช้สมุนไพรในชีวิตประจำวันซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง  โดยชาวบ้านมีการนำสมุนไพร 5  ชนิด  คือ  เล็บครุฑ  ไพล  ผลตะครอง  แฝกหอม  เปราะหอม  นำสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดนี้มาตำให้ละเอียดยกเว้นใบเล็บครุฑที่ไม่ต้องตำ  จากนั้นก็เอาไปห่อด้วยไปตองแล้วย่างจนสุกและเอาไปตากแดดไว้ให้แห้งจากนั้นจึงนำผ้าที่เราต้องการจะอบกลิ่นมาห่อสมุนไพรที่ตากแห้งแล้วจากนั้นนำไปนึ่งสักครู่แล้วก็นำผ้าที่ผ่านการนึ่งแล้วมาย้อมดำเพื่อไม่ให้เห็นรอยเปื้อนจากสมุนไพร  และเอาไปซักและตากให้แห้ง  ก็จะได้ผ้าที่หอมมีกลิ่นติดนาน   ผ้าจะหอมนานไม่จางหายจนกว่าผ้านั้นจะขาดไปเลยทีเดียว  และอีกอย่างการอบผ้าด้วยสมุนไพรนี้ก็ยังช่วยป้องกันในเรื่องของสัตว์หรือแมลงที่จะมาทำลายผ้าของเราได้อีกด้วย  แต่ประโยชน์ที่แฝงลึกลงไปนั้นผู้เขียนบทความคิดว่าการใช้ไพลเป็นส่วนผสมหนึ่งในการอบผ้านั้นอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องของระบบหายใจซึ่งไพลเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของหอบหืดได้อีกด้วย  นอกจากการใช้สมุนไพรในการอบผ้าแล้วก็ยังมีสมุนไพรในการอบตัวหรือผิว  ซึ่งก็มีการนำสมุนไพรมาใช้อีกเช่นกัน  โดยการนำมะกรูด  ไพล  รางจืด  มาเป็นส่วนผสมในการใช้เป็นสมุนไพรในการอบผิวโดยการนำไปต้มและปล่อยไอจากการต้มสมุนไพรเข้ามาในห้องอบตัวทำให้ผู้เข้าไปอบได้รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น  จะเห็นได้ว่าการนำสมุนไพรมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ล้วนเกิดจากภูมิปัญญาที่คนในท้องถิ่นได้รับสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก  (เปี่ยม  เสียงเพราะ . สัมภาษณ์ : 2554)
                นอกจากนี้แล้วชาวบ้านในชนบทส่วนใหญ่จะใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการคิดค้นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อีก  เช่น  การทำปูนกินหมากจากเปลือกหอย  ซึ่งเป็นการนำเศษเปลือกหอยที่ไม่มีประโยชน์แต่กลับนำมาประยุกต์ใช้โดยใช้ภูมิปัญญาให้กลับมาเป็นของที่มีประโยชน์ได้  นอกจากจะเป็นการช่วยลดขยะแล้วยังเป็นการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย

บทสรุป 
จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายของพืชสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการใช้สมุนไพรรักษาโรคต่าง    มานาน  แต่การตัดไม้ทำลายป่า  และการจากไปของบรรพบุรุษ   ผู้มีภูมิปัญญาท้องถิ่น   ทำให้พืชสมุนไพรและวิธีการใช้พืชสมุนไพรรักษาโรคต่าง    มีน้อยลง    ทุกที    และอาจหายไปในช่วงเวลาไม่นาน และเนื่องจากป่าถูกบุกรุกทำลาย  ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษา  วิจัย  ถึงความเป็นมาเป็นไปในเรื่องของการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพร  และวิธีใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น  เพื่อเป็นการอนุรักษ์และนำมาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป  และจากกระแสการหันกลับมาสู่ธรรมชาติ   การหันมาใช้วิถีธรรมชาติบำบัดในการดูแลสุขภาพ  การใช้สมุนไพรบำบัดรักษาแทนการรักษาโรคด้วยวิธีทางการแพทย์แผนใหม่ เพื่อยับยั้งการสูญเสียเงินของตนเอง  ของจังหวัด  จนไปถึงระดับประเทศชาติ  จนกระทั่งเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ  และเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องมีการศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นของการใช้สมุนไพร  เพื่อทราบวิธีในการใช้ประโยชน์สมุนไพรของแต่ละชุมชน  และร่วมกันหาแนวทางร่วมกันสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พืชสมุนไพร  โดยอาศัยภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถิ่น  ให้มีการดำรงอยู่และมีการใช้พืชสมุนไพรอย่างยั่งยืนภายในชุมชน  อันจะเป็นการพัฒนาศักยภาพขององค์กร  ชุมชน  ให้เกิดความเข้มแข็ง  และสามารถพึ่งตนเองได้ต่อไป 

เอกสารอ้างอิง
กฤษณา ไกรสินธุ์. (2550).  ของฝากจากอินเดีย.  กรุงเทพมหานคร. สถาบันวิจัยและพัฒนา.
คีรีบูน  จงวุฒิเวศย์และคณะ (2549).  พฤติกรรมการดูแลสุขภาพและสมุนไพร.  กรุงเทพมหานคร :
        สำนักงานกองทุนการวิจัย ชุดโครงการวิจัยด้านการศึกษากับชุมชน. 
จักรพงศ์  แท่งทอง. (2550).  พืชสมุนไพรในวิทยาเขตบ้านยางน้อย. อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัย
              ราชภัฏอุบลราชธานี.
เปี่ยม  เสียงเพราะ.  สัมภาษณ์เมื่อ  18  ธันวาคม  2554 
ยุคล  ละม้ายจีน. (2550).  ความหลากหลายของพืชสมุนไพรและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนตาม
            ภูมิปัญญาท้องถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานี.  อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น